ลานหมาเห่าฟ้าผาแงบลม

               ปี ๒๕๔๔  ถือเป็นปีปฐมบทของการสำรวจแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติบนภูเขาสวนกวาง ๑๔ มีนาคม ๒๕๔๔ คณะสำรวจประกอบด้วย นายอุดม ทาส่วย   นายสมใจ มณีวงศ์ นาย    สุมินทร์ นารถเหนือ นายจันทร์ วงษ์ชารู นายคเชนทร์ กองพิลา นายเซียประจันทร์ศรี นายสุรวุฒิ เรียงพะวา นางพรรณี ยศปัญญา  และผู้นำเส้นทาง พ่อทอง(คือไม่ทราบนามสกุล) มีเป้าหมายที่ อ่างอิออม หมาเห่าฟ้า  ผาแงบลม   ถ้ำเม่น ถ้ำพัง และถ้ำเอวขัน ได้อะไรมามากมาย ทั้งความเหน็ดเหนื่อยและความประทับใจกับธรรมชาติ    เรายังจำภาพพ่อทองใน vdo ที่ยืนอยู่ที่หน้าผาที่ชื่อว่า "โหม่ลมเย็น" ท่านชี้มือบอกสถานที่สำคัญทั้งเบื้อง บนและเบื้องล่างให้เราทราบ ว่าเป็นที่แห่งใด
ดูวีดิทัศน์ที่ถ่ายไว้เมื่อ ๑๐ ปี ที่แล้ว(ด้านล่าง)


http://www.youtube.com/watch?v=0xIC40msJ30
                วันนั้นเราไปได้ไกลสุด ที่ถ้ำพัง ซึ่งเป็นห้าผาที่สูงชันมาก มีร่องรอยการมาปฏิบัติธรรมของพระธุดงค์ เห็นได้จากพระพุทธรูปขนาดและรูปแบบต่างๆ ที่หน้าผามีเฟิร์นใบมะขาม ปกคลุมเป็นม่านคลุมหน้าผา การเดินต้องคอยระมัดระวัง เพราะมีก้อนหินทรายร่วงหล่นลงมากองที่พื้น ระเกะระกะ ไม่ราบเรียบ หน้าผาแห่งนี้มีความยาวไม่น้อยกว่า ๕๐ เมตร ความสูงมากกว่า ๑๐ เมตร
              ออกจากถ้ำพัง มีเป้าหมายที่ถ้ำเอวขัน ซึ่งต้องข้ามหุบหมูป่า ที่ชื่อว่า หลุบกกยางไป แต่พวกเราฝ่าไปได้ประมาณ ๑๐ เมตร ต้องล่าถอยกลับออกมา เพราะไปไม่ไหวจริงๆ ป่าหนาทึบมาก
              สิ่งที่จะเล่าให้ฟังวันนี้ เป็นเรื่องของ "ลานหมาเห่าฟ้า ผาแงบลม" รวมถึงลานหลังแปภูกระดึงน้อย(คนละที่กันกับหลังแปสวนสัตว์) ตาทองเล่าถึงที่มาของชื่อ"หมาเห่าฟ้า"ว่า เนื่องจากหมาเห่าฟ้าเป็นหน้าที่ตั้งอยู่ในที่สูง ก่อนถึงหมาเห่าฟ้าจะเป็นป่าค่อนข้างทึบ เมื่อหมาวิ่งฝ่าป่าออกมาก็จะพบกับลานหินกว้างซึ่งเป็นหลังคาของหน้าผา มองไฟข้างหน้าเห็นแต่ยอดไม้ กับป่าไม้ ไกลออกไปเป็นทิวป่า หมู่บ้านและท้องฟ้าไกลลิบออกไป เป็นเวิ้งที่กว้างใหญ่มาก เจ้าหมาจะเดินหน้าต่อไปก็ไม่ได้ ด้วยความตกใจหรือจะอะไรก็ไม่ทราบ(มันเป็นเรื่องของหมา) แต่สิ่งที่มันทำก็คือยกคอขึ้นแล้วก็เห่าหอนออกมา จึงได้ชื่อตามนั้น
             ส่วนผาแงบลม ก็เป็นชื่อของหน้าผาที่อยู่ถัดมาทางด้านทิศตะวันออก การเข้าไปถึงผานี้ต้องเดินมุดลงไปตามรอยแยกของข่องผาลงไปข้างล่าง ซึ่งตรงนั้นจะเป็นชะง่อนผา มีร่มครึ้ม และลมผัดผ่านอย่างเย็นสบาย จะนั้งพักผ่อนหรือนอนเล่นสบายๆก้ได้ ระวังอยู่อย่างเดียวเดี๋ยวลิงจะมาขโมยผ้าขาวม้า เพราะถัดออกไปจะเป็นหุบขนาดที่เป็นป่าทึบครึ้ม ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "หลุบลิง"
             ด้านบนของหน้าผานี้ จพเป็นหลังคาดินที่ทับถมอยู่บนลานหินกว้าง มีลักษณะเป็นหลังตัด มีต้นไม้เบญจพรรณขึ้นมาบ้าง ส่วนมากจะเป็นหญ้ากอ รากสั้นๆ ขึ้นเป็นกอเตี้ยๆเป็นกระจุกดูแปลกตาดีที่ตรงนี้จะเป็นตะพักหินตะปุ่มตะป่ำสวยงามมาก เหนือขึ้นไปมีอ่างหิน ที่ขังน้ำไว้ได้ตลอดฤดูฝน ซึ่งมีสาหร่ายขึ้นอยู่ตลอด พื้นตรงนี้จะขนานกับแนวหน้าผาที่สูงชัน ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงามมาก ไม่แพ้หลังแปที่สวนสัตว์
           หลายปีแล้วไม่ไม่ได้ไปเยี่ยม ลานหลังแปและผาแงบลม สักวันหนึ่ง ในเร็ววันนี้ จะหาโอกาสขึ้นไป เก็บภาพสวยๆหลายๆแง่มุมมาฝาก สวัสดีครับ ...ครูคำมี