พื้นที่ชาหนวดฤาษี หินโพ่นเหม่น

            ด้านเหนือของ"ภูเขาสวนกวาง"มีพื้นที่ส่วนหนึ่งประมาณ ๕๐ ไร่ นับเป็นพื้นที่แปลกแตกต่างจากที่อื่นที่เคยไปสำรวจ ที่ว่าแปลกเพราะมีจุดเด่นที่ควรศึกษาอยู่ ๕ ประการ
       ประการที่ ๑ บนพื้นราบของผืนหินทรายจะมีหินทรายผิวขรุขระปรากฏอยู่ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า"หินหนามหน่อ"ซึ่งมีรูปร่างประหลาดทั้งขนาดเล้ดและขนาดใหญ่ บางก้อนทอดตัวนอนอยู่เหมือนไดโนเสาร์ บางก้อนปรากฏเป็นแท่นเหมือนบัลังก์ บางก้อนมีแง่งโผล่ออกมาเหมือนหัวพญานาค (ตามจินตนาการของเรา) ประการที่ ๒ มีพืชนิหนึ่งซึ่งปัจจุบันหายากมาก คือ "ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง" ขึ้นอยู่เป็นหย่อม ๆ จากการไปสำรวจครั้งสุดท้ายพบเห็นเพียงไม่กี่กอ คงมีใครคนหนึ่งขุดไปขาย จึงนับว่าพืชชนิดนี้ตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงที่จะหายไปจากภูเขาสวนกวาง จะมีใครสักแรงไหมที่ลุกขึ้นมาพิทักษ์คุ้มครองช่วยพวกเรา
              ประการที่ ๓ มีพืชอีกชนิดหนึ่ง ที่มีคุณค่าด้านสมุนไพร และไม้ประดับตกแต่ง ชื่อที่ชาวบ้านเรียกทั่วไปคือ "ชาหนวดฤาษี" ทรวดทรงรูปร่างเหมือนต้นหลิว ใบมีขนาดเล็กเรียวสั้นเกาะกันเป็นกลุ่ม ลำต้นแข็งแรง ไม่ผลิใบ เมือนำในมาต้มจะทำให้น้ำมีสีแดง และรสชาติฝาดนิด ๆ เหมือนรสชา แต่อร่อย(กว่า)
           ประการที่ ๔ เป็นพื้นที่ที่พืชชนิดออกดอกในช่วงปลายฝนต้นหนาวมีอยู่หลายชนิด ทั้งชมพูนุช สร้อยสุวรรณา  เอนอ้า หมอกบ่อเหือด เป็นต้น
ประการที่ ๕ เป็นที่ตั้งของถ้ำซ่อนสมบัติ มีหลายคนเคยพบเครื่องเงินทองถูกน้ำพัดพาออกมาจากถ้ำ กลุ่มถ้ำผาหินทรายบริเวณนั้นจึงถูกเรียกชื่อว่า"ถ้ำสมบัติ
       พื้นที่ที่นำเสนอ อยู่ห่างจากวัดตาดฟ้าประมาณ ๘๐๐  เมตร การเดินทาง ให้นำรถไปจอดไว้ที่ถ้ำกินรี แล้วเดินทางข้ามฝายไปเนเหนือ ระหว่างทางก็จะพบพืชแปลกๆหลายชนิดโดยเฉพาะ ตุ้นหมากหมุ่น จะออกดอกช่วงเดือนเมษายน ลูกแก่สุก
ประมาณออกพรรษา ลักษณะพิเศษ คือนำลูกของ"หม่น"มาคั่วให้สุก จะมีกลิ่นหอม รสชาติหวานมัน  พืชชนิดนี้ ผู้เขียน(ครูคำมี) เคยกินตั้งแต่เป็นเด็ก พึ่งมาได้ชิมอีกทีก็เมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ซึ่งต้องมีการอนุรักษ์ให้คงอยู่สืบไป
            พื่น้องครับ สิ่งที่บรรยายมา อะบายภาพที่เห็นด้วยตาเพียงน้อยนิด เพราะเราคงไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ จึงอยากเชิญชวนให้ไปพบด้วยตัวของท่านเอง